วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิธีแก้ปัญหาเท้าเหม็นที่เราไม่เคยรู้

ปัญหาเท้าเหม็น 
นั้นถือเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ บางคนอาจจะมองว่าปัญหาเท้าเหม็นนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดกับทุกคนได้ถ้าใส่รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง หรือรองเท้าที่มีการระบายต่ำ ถอดรองเท้าออกมาก็น่าจะเหม็นกันทุกคน ซึ่งไม่จริงเสมอไปเพราะบางคนที่ถึงจะใส่รองเท้าหรือถุงเท้ายังไงเท้าก็อาจจะไม่เหม็นเลย ปัญหาเท้าเหม็น นั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากกว่า มาดูกันดีกว่าว่าเท้าเหม็นเกิดจากอะไร ทำไมบางคนเหม็นโครตๆ แต่บางคนกลับไม่มีกลิ่นเลย

ปัญหาเท้าเหม็นเกิดจาก
สาเหตุที่ทำให้เท้าของเราเหม็นนั้นไม่ได้เกิดจากเหงื่อที่ออกมาจากเท้าเราโดยตรง แต่เกิดจากแบคทีเรียที่อยู่ที่เท้าของเราต่างหากที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าออกมา โดยเชื้อแบคทีเรียที่ว่ามันก็จะไปทำปฏิกิริยากับเหงื่อที่ออกผสมผสานกันอย่างลงตัวจนได้กลิ่นมาดามเฉพาะตัวออกมา ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เอามากๆ และอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าบางคนที่เท้าเหม็นมากๆนั้นจริงแล้วเค้าเป็น "โรคเท้าเหม็น" หรือ Pitted Keratosis ซึ่งอาการที่จะสังเกตได้ก็คือ เท้าจะเหม็นอย่างรุนแรง อาจมีหลุมเล็กๆบริเวณฝ่าเท้าและง่ามเท้า บางครั้งเวลาสวมถุงเท้าและถอดออกถุงเท้ามักจะแนบติดกับตัวเท้าจะหนืดนิดนึงเวลาถอด ซึ่งหากใครเป็นโรคเท้าเหม็นแล้วก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้วล่ะ บางครั้งการเข้าไปปรึกษาแพทย์อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้

                แต่ก่อนที่เราจะไปหาหมอเพื่อให้หมอช่วยรักษาอาการเท้าเหม็นนั้น บางทีเราก็ไม่อยากไปหาหมอสักเท่าไร เพราะคงไม่มีใครมีความสุขเวลาไปหาหมอแน่ หากเราสามารถรักษา บำบัด และ ป้องกันปัญหาเท้าเหม็นด้วยตนเองได้ก็คงจะดีไม่น้อย อย่างแรกก็คือไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหาหมอ และไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาค่ายา ทีนี้เราจะแยกวิธีการแก้ปัญหาออกเป็น 2 ส่วนหลักๆก็คือ
1         แก้ปัญหาที่เท้าของเรา
2        แก้ปัญหารองเท้า + ถุงเท้าที่เราสวมใส่

มาดูวิธีแก้ปัญหาเท้าเหม็นไปทีละข้อกันครับ
แก้ปัญหาเท้าเหม็นที่เท้าของเรา

แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือ
เป็นวิธีการง่ายๆแต่ได้ผลดีมากก็คือต้มน้ำให้เดือดและทิ้งไว้ให้พออุ่น จากนั้นใส่เกลือแกงที่เรากินกันนี่แหละลงไปในน้ำที่เตรีมไว้ จากนั้นก็เอาเท้าลงแช่ประมาณ 15-20 นาที ทำอย่างนี้ทุกวัน ภายใน 1 เดือนอาหารเท้าเหม็นของเราจะทุเลาลงได้ เท้าจะเหม็นน้อยลงหรืออาจจะหายไปเลยก็ได้

แช่เท้าในน้ำยาเดทตอล
หาซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อเดทตอลที่เป็นขวดน้ำสีส้มๆมาโดยเอาผสมกับน้ำในถังหรือกะละมังที่เตรีมไว้ เวลาแช่ก็ให้เอาแปรงที่ใช้ขัดเท้าขัดทำความสะอาดไปด้วย โดยเฉพาะบริเวณซอกเล็บกับง่ามนิ้วเท้าต้องขัดเป็นพิเศษเพราะเชื้อแบคทีเรียจะอยู่บริเวณนั้นเยอะ ขัดทุกวันก่อนเข้านอนจะช่วยให้เท้าหายเหม็นแน่นอน

 แช่เท้าในน้ำยาบ้วนปาก
อีกหนึ่งสูตรการแช่เท้าก็คือไปหาซื้อน้ำยาบ้วนปากมาสักขวด เอายี่ห้ออะไรก็ได้ จากนั้นก็เทลงผสมกับน้ำสัก 2 ฝา แล้วก็นั่งแช่ไปเรื่อยๆตามความพอใจ เอาจนเท้าเปื่อยเลยก็ได้ น้ำยาบ้วนปากจะมีตัวยาที่ใช้ทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ดีเช่นกัน แช่เป็นประจำก็ช่วยแก้ปัญหาเท้าเหม็นได้เหมือนกัน แต่จะเปลืองตังค์หน่อยนะ

ขัดเท้าด้วยสารส้ม
หาซื้อสารส้มมาสัก  1 ก้อน แล้วก็เอาถูให้ทั่วเท้าทั้งฝ่าเท้า ง่ามเท้า หลังเท้า ทำเวลาอาบน้ำก็ได้อาบน้ำไปถูเท้าไป สารส้มเป็นยาระงับกลิ่นอย่างดี นอกจากเอามาขัดเท้าแล้วก็เอามาถูจั๊กแร้สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวกลิ่นเต่าแรงๆได้ผลดีสุดๆ แต่ทาบ่อยๆผิวบริเวณนั้นจะตึงและอาจจะแตกได้นะ

ขัดเท้าด้วยเบคกิ้งโซดา
ซื้อเบคกิ้งโซดาหรือผงฟูที่เราเอามาทำขนม เช่น ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู ขนมสาลี่ นั่นแหละ มันจะเป็นเม็ดละเอียดๆสีขาวๆ เอามาผสมในน้ำพอให้ข้นๆ จากนั้นก็เอามาทาให้ทั่วเท้าแล้วใช้แปรงขัดทุกมุมของเท้าให้สะอาด เบคกิ้งโซดาจะช่วยฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดเท้าไปในตัวได้ หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วไป ไม่แพงด้วยซองเล็กประมาณ 10-12 บาท

แก้ปัญหาเท้าเหม็นที่รองเท้า + ถุงเท้าของเรา
ซักรองเท้าถุงเท้าให้สะอาด
การซักรองเท้าเราให้สะอาดนั้นหากเป็นรองเท้าผ้าใบก่อนอื่นก็เอารองเท้าไปแช่ในน้ำที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดทตอลซะก่อน ทิ้งไว้สัก 20 นาที แล้วก็สักด้วยผงซักฟองตามปกติ จากนั้นก็เอาไปตากแดดยิ่งจัดยิ่งดี ตากให้แห้งสนิทเพราะถ้าไม่แห้งแล้วมันก็จะเหม็นได้ง่ายมาก ส่วนถุงเท้านั้นก่อนสักก็เอาไปแช่ในน้ำร้อนก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วก็ซักด้วยผงซักฟอกตามปกติตากให้แห้งสนิม จะได้ไม่มีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เท้าเหม็นติดอยู่ ช่วยลดความเหม็นไปได้เยอะ

อย่าใส่รองเท้าคู่เดิมซ้ำๆกัน
เรื่องถุงเท้าคงไม่ต้องบอกนะว่าไม่ควรใส่ซ้ำ แต่มีบางคนช่วยใส่ถุงเท้าซ้ำแบบว่าขี้เกียจซัก อันนี้เลือกทำซะมันเท้าให้เท้าเหม็นมาก ส่วนรองเท้านั้นเราไม่ควรใส่คู่เดิมติดต่อกันเกิน 2 วัน เต็มที่ไม่เกิน 3 วัน จะได้ไม่สะสมเชื้อโรคมากนัก ให้มันได้พักเอาไปตากแดดบ้างอย่างน้อยก็สัก 24 ชั่วโมง สับเปลี่ยนใส่กันไปก็ช่วยลดความอับความเหม็นของเท้าได้เป็นอย่างดี

เปลี่ยนพื้นรองรองเท้าใหม่เป็นประจำ
พื้นรองรองเท้าไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนังที่ขาด จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นที่เท้าชั้นดี เพราะฉะนั้นหากพื้นรองรองเท้าของเราเกิดขาดเป็นรูขึ้นมา ก็หาซื้อพื้นรองเท้าที่มีวางขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปมาเปลี่ยนซะ BigC ,  Lotus มีหมดตามแผนกขายรองเท้านั่นแหละ คู่ละไม่กี่บาท บางทีแค่เปลี่ยนพื้นรองรองเท้าอาจช่วยให้เท้าหายเหม็นเลยก็ได้

     ปัญหาเท้าเหม็น ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะนอกจากจะส่งผลต่อคนรอบตัว หรือผู้ร่วมงานที่ได้สัมผัสกับกลิ่นแล้ว ยังส่งมลต่อบุคลิกภาพของเราในสายตาของคนอื่นด้วย หน้าตาดี แต่งตัวดี แต่ถอดรองเท้าออกมาเหม็นเป็นปลาเน่า คะแนนก็อาจจะติดลบเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นดูแลใส่ใจเท้าและรองเท้าของเราให้ดี เพื่อเท้าที่หอมของเรา เพื่อตัวคุณและคนที่คุณรัก "วันนี้คุณซักรองเท้าและถุงเท้าแล้วหรือยัง?"



วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิธีเลือกถุงเท้าสำหรับออกกำลังกาย


 

อะไรคือถุงเท้าที่ไม่ดี
     ถุงเท้าคุณภาพไม่ดี จะไม่กระชับ ระบายความชื้นไม่ดีถุงเท้าจะชื้นตลอดเวลาในการวิ่ง ทำให้เวลาวิ่ง จะเกิดการลื่นไถลในรองเท้าและสีเท้าไปมาตลอดเวลาโดยคุณไม่รู้ตัวเมื่อรู้สึกเจ็บก็เกิดแผลขึ้นแล้ว ทำให้ต้องหยุดวิ่งโดยไม่จำเป็น

ถุงเท้าที่ดีเป็นอย่างไร

  •         ถุงเท้าที่ดี ต้องกระชับ นุ่ม สบาย ไม่ลื่นไปมาในรองเท้า ระบายความชื้นได้ดีมากๆ
  •         ไม่มีรอยตะเข็บมาเสียดสีในทุกส่วนของเท้า
  •         คงทน ไม่ขาดง่าย
  •         คงรูปได้ดีไม่ย้อยง่ายจากการซักไม่กี่ครั้ง


แบ่งถุงเท้าตามขนาดอย่างไร
     ถุงเท้าที่ใช้ออกกำลังกาย มี หลายแบบ หลายเนื้อผ้า หลาย Style เราสามารถแบ่งถุงเท้าตามความยาวของถุงเท้าได้  ดังนี้
  • No show เป็นถุงเท้าที่สั้นสุดขอบบนจะอยู่ต่ำกว่าข้อเท้า เวลาใส่รองเท้าจะไม่เห็นถุงเท้าโผล่มาพ้นรองเท้า ถุงเท้าวิ่งหลาย Brand จะเพิ่มตัวรับการเสียดสีที่ข้อเท้าด้านหลัง เพื่อให้ใส่สบายยิ่งขึ้น เรียกว่า No Show Tab
  • Low cut หรือ micro เป็นถุงเท้าที่ขอบบนอยู่พอดีข้อเท้า ป้องกันข้อเท้าของคุณได้พอดี มองเห็นถุงเท้าเวลาใส่รองเท้า
  • Quarter หรือ Mini crew เป็นถุงเท้าที่ยาวขึ้นมาอีกระดับ คลุมเหนือข้อเท้า ปกป้องทั้งข้อเท้าของคุณ
  • Crew เป็นถุงเท้าที่ยาวขึ้นมาถึงบริเวณน่องส่วนล่าง เหมือนถุงเท้าที่เราใส่ทำงานกันทั่วไป
  • Knee High หรือ Over the calf เป็นถุงเท้าที่ยาวที่สุด ถึงบริเวณ ต่ำกว่าเข่า เช่น ถุงเท้าวิ่งแบบยาว หรือ ถุงเท้าแบบ compression


แบ่งตามความหนาอย่างไร
ความหนา Cushion Levels มี 2 แบบ
-               1. Light Cushion  ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกได้เต็มพิกัด โดยที่ยังได้ถุงเท้าที่บางใส่สบายอยู่
-             2. Ultra-light Cushion   ออกแบบให้บางที่สุด เบาที่สุด ที่ยังรับแรงกระแทกได้เหมาะสม ให้เท้าคุณเย็นสบายอยู่เสมอ ใช้พื้นที่        เพียงนิดเดียวในรองเท้าของคุณ

บาง Brand แบ่งเป็น 3 ความหนา
ขอยกตัวอย่างถุงเท้าของ มีหลายแบบ รุ่นที่เด่นๆ เป็นที่นิยมสูงมีดังนี้

Elites 
ด้วยระบบ Sock-Lock™ support system  และ Snugfit  ทำให้ถุงเท้าคุณเป็นเสมือนเนื้อเดียวกับเท้าของคุณ ไม่ลื่นไถลไปมาเวลาวิ่ง เหนียว แน่น หนึบ รองรับกระแทกได้เต็มรูปแบบพร้อมความสบายเวลาใส่ จนเหมือนคุณไม่ได้ใส่อะไร  ระบายความร้อนดีเยี่ยมหมดปัญหาเรื่องเหงื่อและกลิ่นอับ และกันการเกิดแผลจากการเสียดสี


  •         ออกแบบแยกข้างซ้ายและขวาอย่างชัดเจน เพื่อการปกป้องเท้าของคุณได้เต็มประสิทธิภาพ
  •         เส้นใย iWick® fibers  ระบายความร้อนและเหงื่อได้ตลอดเวลา รวมถึงกันกลิ่นไม่พึงประสงค์         
  •        The PerfectToe™ ไม่มีรอยเย็บ ตะเข็บ มาเสียดสีเท้าให้รำคาญนิ้ว


High Performance (HP)
     ถุงเท้าคุณภาพสูงสำหรับใส่ออกกำลังกาย ทุกรูปแบบ วิ่ง เทนนิส fitness  ไม่เห็นขอบถุงเท้าเวลาใส่รองเท้า ให้คุณกระชับพร้อมความสบาย ทำให้ถุงเท้าคุณเป็นเสมือนเนื้อเดียวกับเท้าของคุณ รองรับกระแทกได้เต็มรูปแบบ ระบายความร้อนดีเยี่ยมหมดปัญหาเรื่องเหงื่อและกลิ่นอับ

  • ออกแบบเพิ่มความหนาตรงจุดที่รับน้ำหนักและกระแทก
  • เส้นใย iWick® fibers  ระบายความร้อนและเหงื่อได้ตลอดเวลา รวมถึงกันกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • Snugfit Technology™— ด้วยใยผ้า Lycra ห่อหุ้ม เท้าของคุณด้วยการ Support ที่เต็มพิกัด ป้องกันการเสียดสีจากรองเท้า
  • The PerfectToe™ ไม่มีรอยเย็บ ตะเข็บ มาเสียดสีเท้าให้รำคาญ
  •  Y-heel construction ป้องกันถุงเท้า Slide เข้าในรองเท้า   



วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของรองเท้าและถุงเท้า


เด็กไทยในชนบทขี่จักรยานไม่ใส่รองเท้านี่สบายปรื๋อ ซึ่งก็ทำได้แน่ๆ แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรใส่รองเท้าตอนออกไปขี่จักรยาน เพราะถ้าเกิดล้มมา รองเท้าก็ช่วยให้ไม่ถลอกได้ และรองเท้าที่ใช้ก็ควรเป็นรองเท้าผ้าใบหุ้มส้น ไม่ควรใช้รองเท้าแตะหรือรองเท้าสาน เพราะไม่กระชับเท้าและอาจไปเกี่ยวกับอะไรได้ ยกเว้นจะไปแค่ปากซอยซื้อก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่กินเล่น ถ้าลงแข่งหรือออกทัวร์ขี่จักรยานไปไกลๆ ก็ควรใส่รองเท้าจักรยาน (ถ้ามีตังค์ซื้อด้วยนะ) เพราะรองเท้าแบบนี้มีข้อดีข้อเด่นอยู่หลายอย่าง เช่น

1. พื้นแข็ง พื้นรองเท้าแตะหรือรองเท้าผ้าใบจะนิ่ม และอ่อนตัวได้ง่าย ทำให้เท้าของเราบิดตัวตามไปด้วยเวลาปั่นบันได ซึ่งทำให้เกิดการล้าของเท้าได้ง่าย แต่ถ้าพื้นรองเท้าแข็งๆ จะทำให้เท้าสบายขึ้น และการส่งถ่ายพลังจากขาไปที่ลูกบันไดก็ทำได้เต็มที่ ไม่สูญเสียตกหล่นไปแบบพื้นนุ่มๆ

2. เหมาะและฟิต ถ้าคุณขี่จักรยานได้แล้ว คุณก็จะใช้กิ๊บ (บางคนเรียกนะกร้อ แต่ศัพท์นักจักรยานรุ่นเก่าของแท้เขาเรียก กิ๊บกันครับ) ซึ่งถ้าใส่รองเท้าจักรยานคุณก็จะใส่กิ๊บได้ง่ายขึ้น และวางบนบันไดซึ่งมักมีขนาดเล็ก (ถ้าแพงๆ) ได้ง่ายขึ้น และรองเท้าจักรยานนี่เขาออกแบบมาให้ไว้ขี่จักรยานไกลๆโดยเฉพาะ เขาจึงรู้ใจนักจักรยานดี จะมีบุนวมตรงจุดที่ควรบุ โดยไม่เพิ่มน้ำหนักรองเท้า ทำให้นิ้วเท้าไม่เจ็บไม่ชา หรือชาช้า และไม่ถูกสายกิ๊บกดจนเจ็บ

3. จับมั่น การใส่รองเท้าจักรยาน ใส่กิ๊บ รัดเข็มขัดกิ๊บ จะทำให้เท้าเราจับมั่นกับลูกบันได การปั่นขาไปแต่ละรอบจึงทำได้มั่นคงและอย่างมั่นใจ ทำให้ไปได้เร็วขึ้น และเสียแรงร้อยลง ตามตำราเขาว่าการใช้รองเท้าจักรยานและติดกิ๊บสามารถถ่ายแรงลงลูกบันไดได้จนเกือบครบรอบของการปั่น คือจาก 2 นาฬิกา ไปจนถึง 9 นาฬิกา

 ถ้าใส่รองเท้าก็ควรใส่ถุงเท้าด้วย ไม่เช่นนั้น อาจถูกรองเท้ากัด และถ้าถูกรองเท้ากัดระหว่างทางนะคุณเอ๋ย อย่าบอกใครเชียวว่าทรมานขนาดไหน จะหยุดก็หยุดไม่ได้เพราะยังไม่ถึงที่พัก จะไปก็ไปไม่ค่อยไหว เพราะเจ็บเหลือใจ เพราะฉะนั้นต้องใส่ถุงเท้า และถุงเท้านั้นควรฟิตเท้าอย่างดีและพอดี จะทำให้สบายเท้าขึ้นมาก เดี๋ยวนี้มีถุงเท้าทำจากใยสังเคราะห์รุ่นใหม่ๆ ทำให้แห้งง่าย ไม่อุ้มเหงื่อ ถุงเท้าจักรยานมักหุ้มเท้าเกินตาตุ่มไม่มาก เพราะฝรั่งเขาชอบโดนแดด จะได้มีผิวสีตาล (เขาว่าสวยดี) เขาจึงอยากให้โดนแดดมากที่สุดเท่าที่จะเปิดเผยร่างการสู่แดดได้ และถุงเท้าจักรยานถ้าสั้นๆก็จะได้ไม่ต้านลมมากด้วย พวกนักแข่งจะระวังมากในเรื่องแบบนี้


วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิธีการวัดไซส์รองเท้า

หลายๆ คน อาจเคยเจอปัญหาที่ว่า เท้าของคุณเป็นขนาดเท่าไหร่ของไซส์รองเท้าที่มีขายกันอยู่ทั่วไป FAMILY SOCKS ขอนำเสนอเคล็ดไม่ลับ เพื่อช่วยให้ทุกๆ ท่าน สามารถวัดไซส์รองเท้าได้อย่างถูกต้องหรือเกิดความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดครับ              

  

อันดับแรก เราต้องทำการหาความยาว และ ความกว้างของเท้าเราก่อนครับ

วิธีการวัดหาความยาว และ ความกว้างของเท้า ... ทำได้ดังนี้
1. ให้เตรียมอุปกรณ์ดังนี้ กระดาษ A4 ปากกา ไม้บรรทัด หรือ สายวัด 
2. วางกระดาษลงบนพื้นที่จะวัดขนาดรองเท้า และ ใช้เทปกาวติดไม่ให้กระดาษเคลื่อน 
3. ถ้าปกติสวมถุงเท้า ควรใส่ถุงเท้าขณะวัดไซด์รองเท้า
4. วาดรูปเท้าลงบนกระดาษโดยเน้นที่ปลายนิ้วโป้ง และ ส้นเท้า 

- ความยาวเท้า: วัดจากปลายนิ้วโป้งถึงส้นเท้า
- ความกว้างเท้า: วัดตรงฝ่าเท้า โดยวัดตรงช่วงที่กว้างที่สุดของเท้า
 และเผื่อออกอีกครึ่งเซนติเมตร 
5. เวลาที่วัดเบอร์รองเท้า หรือ ลองรองเท้า ควรเป็นช่วงเย็น เพราะเท้าเมื่อเดินนานๆจะขยายออก ดังนั้นเมื่อวัดไซส์รองเท้าตอนเย็นจะได้เบอร์รองเท้าที่ใกล้เคียงที่สุด 


เมื่อได้ความยาวและความกว้างของเท้าเรียบร้อยแล้ว ให้นำค่าที่เราวัดได้ไปเทียบกับตารางข้างต้นครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ต้องยืนทำงานนานๆ แก้อาการปวดเมื่อยล้าอย่างไรดี!!!!!

       
      วันนี้ FAMILY SOCKS มีบทความดีดี มานำเสนอครับ... ยืนทำงาน ปวดเมื่อยล้า (หมอชาวบ้าน)บางอาชีพจำเป็นต้องยืนทำงานเป็นเวลานาน ๆ จะนั่งก็ไม่ได้ อย่างเช่นอาชีพพนักงานขายตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ต้องยืนทำงานนานหลายชั่วโมง จนมีอาการปวดขา เมื่อยล้าตามมา จะทำอย่างไรถึงจะบรรเทาอาการปวดเมื่อยล้าได้ เรื่องนี้ ดร.วรรธนะ ชลายนเดชะ มีคำแนะนำมาบอกกัน

         สำหรับเรื่องนี้ ต้องบอกว่าการทำงานของแต่ละคนมีความหลากหลาย โดยเฉพาะงานที่ต้องยืนต่อเนื่องกันนาน ๆ ย่อมส่งผลต่อสุขภาพหลายอย่าง โดยเฉพาะพนักงานขายสินค้าในห้าง พบว่าร้อยละ 70 มีอาการปวดบริเวณน่อง ตามด้วยเท้า (ร้อยละ 36)ต้นขา (ร้อยละ 33) หลัง (ร้อยละ 27) และส่วนอื่น ๆ เช่น ไหล่ และหลังส่วนบนอีกเล็กน้อย

      อาการปวดหลายแห่งของพนักงานเหล่านี้ ระยะยาวอาจทำให้อาการลุกลามเป็นมากขึ้นและเรื้อรังได้ วิธีการปรับสภาพการทำงานและการปฏิบัติตัวของผู้ยืนทำงานที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนอื่นควรรู้ว่าผลเสียของการยืนนาน ๆ มีอาการหลายอย่าง เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน่องและต้นขา อาการปวดเมื่อยเท้า หลอดเลือดขอด ปวดเข่าและหลัง สามารถป้องกันผลเสียจากการยืนนานได้ด้วยตนเอง ดังต่อไปนี้

1. ยืนบนพื้นนิ่ม พื้นที่นิ่มลดแรงกดที่เท้าได้ อาจใช้พรมเช็ดเท้านิ่ม ๆ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อพรมสำหรับยืนที่มีราคาแพง สามารถทดสอบพรมได้ด้วยการถอดรองเท้ายืนบนพรมนั้น หลังจากนั้นลองยืนเท้าเดียว ถ้ารู้สึกว่าสบายเท้า และยืนได้มั่นคงถือว่าใช้ได้

2. ใส่รองเท้าที่มีพื้นนิ่มและหลวมเล็กน้อย รองเท้าที่มีพื้นนิ่มช่วยลดแรงกดไปที่เท้าได้ เช่นเดียวกับพื้นที่นิ่ม ส่วนการที่ต้องเลือกรองเท้าหลวมเพราะตกเย็นเท้าของท่านอาจบวมได้เล็กน้อยจากการยืนนาน

3. ไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงในการทำงาน กรณีที่เจ็บส้นเท้ามาก อาจใส่รองเท้าส้นสูงได้ แต่ไม่เกิน 2 นิ้ว เพื่อช่วยลดแรงกดที่ส้นเท้า

4. ยืนเท้าโต๊ะสูงหรือตู้ขายสินค้า โดยใช้แขนหรือศอกรับน้ำหนักตัวทางด้านหน้า สลับกับการใช้ก้นหรือหลังพิงผนังเป็นครั้งคราวเพื่อลดน้ำหนักกดที่กระทำต่อหลังและเท้า

5. พักการยืนบ่อย ๆ หย่อนขาข้างหนึ่ง หรืออาจใช้ที่วางเท้าเป็นบล็อกสูงจากพื้นประมาณ 4-6 นิ้ว

6. ใช้เก้าอี้แบบกึ่งนั่งกึ่งยืน กรณีของพนักงานเคาน์เตอร์หรือการทำงานในโรงงาน

7. ยืนสลับนั่ง แต่ต้องจัดสภาพงานให้เหมาะสม เช่น โต๊ะยืนทำงานไม่ควรเตี้ยเกินไปจนต้องก้มหลัง อาจจัดโต๊ะให้ทำงาน 2 ชุด คือชุดยืนและนั่งทำงาน แล้วให้ทำงานสลับหน้าที่กันเป็นระยะ ๆ

8. เมื่อรู้สึกเมื่อย ให้เดินไปมาสัก 2-3 นาที จึงค่อยนั่งลง ยกขาทั้ง 2 ข้างพาดบนที่นั่งของเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ให้เท้าอยู่สูงประมาณระดับเข่า เพื่อช่วยเลือดจากขากลับเข้าสู่หัวใจดีขึ้น ป้องกันหลอดเลือดขอด มีโอกาสพักอย่ายืนคุย ให้นั่งยกขาพาดเก้าอี้ อาจจะกระดกปลายเท้าสลับกันซ้าย-ขวาร่วมด้วย

9. กลับถึงบ้านให้นอนเอาเท้ายันกับกำแพงให้เท้าอยู่สูงจากพื้นประมาณครึ่งเมตร แล้วกระดกปลายเท้าขึ้นสลับกันทั้ง 2 ข้าง ทำประมาณ 10 นาที ออกกำลังด้วยการเดิน วิ่ง หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 15-20 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงขา พักผ่อนด้วยการนอนให้พอเพียงอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง สำหรับการออกกำลังกายเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องยืนทำงานนาน ๆ

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก
หมอชาวบ้าน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------