ถุงน่องในสมัยแรกๆ นั้นเป็นแฟชั่นของผู้ชาย ผู้ชายชาวโรมันนิยมสวมถุงเท้าทำด้วยผ้าสูงถึงหน้าแข้งหรือเรียกว่า อูโด ต่อมาช่างตัดเสื้อจึงตัดให้ยาวขึ้นถึงเข่าและสวมคู้กับรองเท้าบู๊ตเสมอ ถ้าชายใดสวมอูโดแล้วไม่สวมรองเท้าบู๊ตจะถูกตำหนิว่าไม่ใช่ชายแท้ ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 มีถุงน่องผ้าลินินสีขาวในชุดที่พระในศาสนาคริสต์สวมกันในพิธีสวด หลักฐานที่บอกถึงพระที่สวมถุงน่องคือรูปภาพในโบสถ์ที่ทำขึ้นในศตวรรษต่อมาที่แสดงให้เห็นว่าพระคริสต์และฆราวาสนิยมสวมถุงน่องกัน
ความนิยมสวมถุงน่องจริงๆ
แล้วเริ่มในศตวรรษที่ 11 ซึ่งถุงน่องวิวัฒนาการมาเป็นกางเกงทน
ที่จะเป็นถุง 2 ข้าง ในปี
ค.ศ. 1066 เมื่อวิลเลี่ยมได้ยกทัพข้ามช่องแคบอังกฤษและเป็นกษัตริย์นอร์มันแห่งอังกฤษ พระราชโอรสของพระองค์สวมกางเกงถุงน่องราคาแพง จนมาถึงศตวรรษ 14 ถุงน่องจึงเป็นที่นิยม ถุงน่องที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เริ่มมีขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
ค.ศ. 1940 ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทที่ชื่อดูปองได้ประสบความสำเร็จในการค้นพบไนลอน บริษัทดูปองจึงสั่งให้โรงงานต่างๆ ทำถุงน่องด้วยไนลอน แล้วเก็บไว้จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคมจึงนำออกมาวางขายตามร้านต่างๆ ผู้หญิงชาวอเมริกันต่างรอวันนี้และเป็นประวัติการณ์ที่ร้านบางร้านถึงขั้นจลาจล เมื่อถึงสิ้นปีถุงน่องผู้หญิงขายได้ 36 ล้านคู่
จากการแต่งกายของพระมาจนถึงนักรบถุงน่องจึงกลายมาเป็นสิ่งที่ผู้หญิงนิยมกันจนกลายเป็นแฟชั่น เป็นไปได้ว่าผู้หญิงอาจสวมถุงน่องแต่เนื่องจากกระโปรงที่ยาวปิดขาจึงมองไม่เห็น หลักฐานที่บอกว่าผู้หญิงสวมถุงน่องคือ
ในศตวรรษที่ 16 ของกำนัลจากอังกฤษที่ส่งถึงสเปนนั้นเป็นถุงน่องแต่เอกอัครราชฑูตสเปนไม่พอใจต่อของกำนันนั้นจึงให้นำกลับไปเนื่องจากถุงน่องเป็นอาภรณ์สำหรับสตรีเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น